���������ระบบขนส่งมวลชลของกรุงเทพมหานครที่ควรจะเป็นที่พึ่งของคนยากคนจน บัดนี้ได้เปลี่ยนไปขูดเลือดขูดเนื้อเอารัดเอาเปรียบประชาชน

����������� การขอขึ้นค่าโดยสารของ ข.ส.ม.ก. ที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนมากนัก เนื่องจากได้ปรับเพิ่มค่าโดยสารขึ้นเพียง 50 สตางค� หรือ 1 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ประชาชนพอจะยอมรับได� เพราะยังเป็นอัตราที่ไม่สูงมาก แต่ในการขึ้นค่าโดยสารบางครั้ง ข.ส.ม.ก. มีเจตนาเอารัดเอาเปรียบประชาชน เช่นเมื่อครั้งขึ้นค่าโดยสารโดยการนำรถครีมแดงมาวิ่งให้บริการในราคา 3 บาทตลอดสาย ซึ่งประชาชนไม่ได้ต่อว่าอะไรมากเพราะรถครีดแดงเป็นรถใหม� และค่าโดยสารก็เพิ่มอีกแค� 1 บาท เท่านั้น แต� ข.ส.ม.ก. นำรถครีมน้ำเงินซึ่งต้องเก็บค่าโดยสาร 2 บาท มาใส่ป้ายด่วนพิเศษ แล้วเก็บค่าโดยสาร 3 บาท ซึ่งป้าย "ด่วนพิเศษ" ก็ไม่ได้ด่วนพิเศษแต่อย่างใด เพราะจอดทุกป้ายเหมือนรถปกติ

���������� และแล้วเงาดำของอสูรร้ายได้เข้าปกคลุมการขนส่งมวลชนอีกครั้ง เมื่อ ข.ส.ม.ก. ได้ใช้วิธีการเดิมปล้นชาวกรุงเทพ โดยการนำรถปรับอากาศ ยูโรทู ค่าโดยสาร 12 บาท ตลอดสายออกมาวิ่ง และลดจำนวนรถครีมแดงลง สร้างความเดือดร้อนแก� ผู้ที่จำเป็นต้องใช้บริการของข.ส.ม.ก. อย่างมาก เนื่องจากเป็นการขึ้นค่าโดยสารถึง 243% แม้ขณะนี� ข.ส.ม.ก. จะได้เปลี่ยนแปลงการเก็บค่าโดยสาร เป็นเก็บตามระยะทางโดยเริ่มที� 8 บาท สูงสุด 16 บาท ก็ไม่ได้ทำให้ความทุกข�ากของประชาชนลดลง

����������การที� ข.ส.ม.ก. นำรถปรัอากาศ ยูโรทู มาให้บริการนั้น ไม่ได้ถือว่ามีความผิด แต่การที� ข.ส.ม.ก. นำรถปรับอากาศ ยูโรทู ออกมาให้บริการมากกว่าจำนวนรถธรรมดาครีมแดง ถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการมัดมือชกผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อย ผู้ที่ต้องขึ้นรถหลายต่อ และผู้ที่โดยสารระยะสั้น อย่างไรก็ดี ข.ส.ม.ก. น่าจะนำรถธรรมดที่ใช้เครื่องยนต�ูโรทูมาให้บริการควบคู่กันกับรถปรับอากาศ โดยเก็บค่าโดยสาร 5 บาทตลอดสาย หรือ 6 บาทตลอดสาย ก็น่าจะดีกว่านำรถปรับอากาศ ยูโรทู มาให้บริการเพียงอย่างเดียว

���������� การกระทำของ ข.ส.ม.ก. แสดงถึงเจตนาทุจริตหมกเม็ด ของ นายยรรยง คุโรวาท (ผู้อำนวยการ ข.ส.ม.ก.) รวมไปถึงรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง ข้ออ้างและเหตุผลต่าง � ที่นายยรรยงหยิบยกขึ้นมานั้นฟังดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่ในความเป็นจริงแล้วมีข้อน่าสงสัยหลายประการที� นายยรรยง ไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างชัด